เปิดจักระ 100% ทางไกล
18 เมษายน2555
ที่ MEL THAILAND 09.00 PM
คุณไพศาลกล่าวเปิดงาน “การส่งพลังจักรวาลเพื่อเปิดจักระ100% ทางไกล” นั้นเป็นความประสงค์ของท่านอาจารย์ด๋าง เมื่อประมาณ 5ปีที่แล้ว ที่จะให้ความสามารถนี้แด่ผู้จบระดับ 20
ดังนั้นภายใต้เงื่อนไขของ HUE FACULTYผู้อนุมัติได้อย่างเป็นทางการ จึงได้คัดกรองผู้จบระดับ 20 ที่มีคุณสมบัติครบถ้วนได้ 15 คน สมาธิร่วมกันกับคุณจุง จากนั้นรับเทคนิควิธี การส่งพลังจักรวาลเพื่อเปิดจักระ100% ทางไกลตามต้นฉบับอาจารย์ด๋างจากคุณหวู
ขอบคุณพี่รัชนี หัวหน้าศูนย์ MEL THAILAND ที่เป็นแม่งาน ให้สถานที่ และอุปกรณ์การเชื่อมต่อการสื่อสาร
ขอบคุณคุณวิศิษย์ คุณฮะ ที่ช่วยให้ระบบการสื่อสารราบรื่น
และคุณไพศาลบุคคลสำคัญในวันนี้ ที่ไม่ลืมความประสงค์ของท่านอาจารย์ด๋าง ทำให้เรามีความสามารถเพื่อช่วยเหลือมวลมนุษย์ได้อย่างสะดวก รวดเร็ว
นอกจากนี้คุณจุงยังมีเรื่องแจ้งให้ทราบด้วย
เรื่องที่ 1. Certificate การส่งพลังจักรวาลเพื่อเปิดจักระ100% ทางไกล จะส่งมาให้ที่ MEL THAILAND
เรื่องที่ 2. อีกสองเดือนจะลง web.เรื่อง UE ภาษาอังกฤษ และสเปญ เกี่ยวกับประวัติอาจารย์ด๋าง และ UE ใช้กับวิทยาศาสตร์ และจิตวิญญาณ
เรื่องที่ 3. จะเอาวิชาUE ไปไว้ในบทเรียนในมหาวิทยาลัย และใช้ในโรงพยาบาล
เรื่องที่ 4. จะทำเอกสารการสอนระดับ 1 ถึง20 โดยยึดหลักที่อาจารย์ด๋างให้ไว้
เรื่องที่ 5. ครบรอบ5ปีอาจารย์ด๋าง จะจัดสัมมนาแลกเปลี่ยนประสบการณ์ของชาวพลังจักรวาลทั่วโลกที่คุณจุงได้ไปพบเห็นมาที่เซ็นหลุยส์

กฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการกรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กระทรวงสาธารณสุข พ.ศ. ๒๕๕๒

อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๘ ฉ แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน

พ.ศ. ๒๕๓๔ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน (ฉบับที่ ๔)

พ.ศ. ๒๕๔๓ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขออกกฎกระทรวงไว้ ดังต่อไปนี้
ข้อ ๑ ให้ยกเลิกกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการกรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กระทรวงสาธารณสุข พ.ศ. ๒๕๔๕
ข้อ ๒ ให้กรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กระทรวงสาธารณสุข มีภารกิจเกี่ยวกับการพัฒนาวิชาการด้านการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือกอื่น โดยคุ้มครองอนุรักษ์และส่งเสริมภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทย ส่งเสริมและพัฒนาการจัดระบบความรู้ และสร้างมาตรฐานด้านการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือกให้ทัดเทียมกับการแพทย์แผนปัจจุบันและนำไปใช้ในระบบสุขภาพอย่างมีคุณภาพและปลอดภัย เพื่อเป็นทางเลือกแก่ประชาชนในการดูแลสุขภาพ โดยมีอำนาจหน้าที่ดังต่อไปนี้

(๑) ดำเนินการตามกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองและส่งเสริมภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทย และกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง

(๒) ศึกษา วิเคราะห์ วิจัย และพัฒนาองค์ความรู้และเทคโนโลยีด้านการแพทย์แผนไทย การแพทย์พื้นบ้านไทยและการแพทย์ทางเลือกอื่น(

๓) กำหนด พัฒนาคุณภาพ มาตรฐาน และเสนอแนะเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค ด้านการแพทย์แผนไทย การแพทย์พื้นบ้านไทย และการแพทย์ทางเลือก

(๔) ถ่ายทอดองค์ความรู้และเทคโนโลยีด้านการแพทย์แผนไทย การแพทย์พื้นบ้านไทย และการแพทย์ทางเลือกอื่น

(๕) พัฒนารูปแบบ ส่งเสริมและสนับสนุนให้มีการบริการด้านการแพทย์แผนไทย การแพทย์พื้นบ้านไทย และการแพทย์ทางเลือกอื่น ในระบบบริการสุขภาพ

(๖) พัฒนาระบบและกลไกเพื่อให้มีการดำเนินการบังคับใช้กฎหมายที่อยู่ในความรับผิดชอบ ให้เกิดผลสำเร็จแก่ราชการและประชาชน

(๗) รวบรวม อนุรักษ์ เฝ้าระวัง คุ้มครองและส่งเสริมภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทย การแพทย์พื้นบ้านไทยและสมุนไพร

(๘) ประสานความร่วมมือด้านการแพทย์แผนไทย การแพทย์พื้นบ้านไทย การแพทย์ แผนจีนและการแพทย์ทางเลือกอื่น ทั้งในประเทศและต่างประเทศ

(๙) ปฏิบัติการอื่นใดตามที่กฎหมายกำหนดให้เป็นอำนาจหน้าที่ของกรมพัฒนาการแพทย์ แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก หรือตามที่รัฐมนตรีหรือคณะรัฐมนตรีมอบหมาย

ข้อ ๓ ให้แบ่งส่วนราชการกรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก

ดังต่อไปนี้

(๑) สำนักงานเลขานุการกรม

(๒) สถาบันการแพทย์แผนไทย

(๓) สำนักการแพทย์ทางเลือก

ข้อ ๔ ในกรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก ให้มีกลุ่มตรวจสอบภายในเพื่อทำหน้าที่หลักในการตรวจสอบการดำเนินงานภายในกรม และสนับสนุนการปฏิบัติงานของกรมรับผิดชอบงานขึ้นตรงต่ออธิบดีกรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก โดยมีอำนาจหน้าที่ดังต่อไปนี้

(๑) ดำเนินการเกี่ยวกับการตรวจสอบด้านการบริหาร การเงิน และการบัญชีของกรม

(๒) ปฏิบัติงานร่วมกับหรือสนับสนุนการปฏิบัติงานของหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องหรือที่ได้รับมอบหมาย

ข้อ ๕ ในกรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก ให้มีกลุ่มพัฒนาระบบบริหาร เพื่อทำหน้าที่หลักในการพัฒนาการบริหารของกรมให้เกิดผลสัมฤทธิ์ มีประสิทธิภาพ คุ้มค่ารับผิดชอบงานขึ้นตรงต่ออธิบดีกรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก โดยมีอำนาจหน้าที่ดังต่อไปนี้

(๑) เสนอแนะและให้คำปรึกษาแก่อธิบดีกรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ ทางเลือก เกี่ยวกับยุทธศาสตร์การพัฒนาระบบราชการภายในกรม

(๒) ติดตาม ประเมินผล และจัดทำรายงานเกี่ยวกับการพัฒนาระบบราชการของกรม

(๓) ประสานและดำเนินการเกี่ยวกับการพัฒนาระบบราชการร่วมกับหน่วยงานกลางต่าง ๆ และหน่วยงานในสังกัดกรม

(๔) ปฏิบัติงานร่วมกับหรือสนับสนุนการปฏิบัติงานของหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง หรือที่ได้รับมอบหมาย

ข้อ ๖ สำนักงานเลขานุการกรม มีอำนาจหน้าที่ดังต่อไปนี้

(๑) ปฏิบัติงานสารบรรณของกรม

(๒) ดำเนินการเกี่ยวกับงานช่วยอำนวยการและงานเลขานุการของกรม

(๓) วางระบบและดำเนินการเกี่ยวกับการเงิน การบัญชี การงบประมาณ การพัสดุ อาคาร สถานที่และยานพาหนะของกรม

(๔) จัดระบบและดำเนินการบริหารทรัพยากรบุคคลของกรม

(๕) จัดทำและประสานแผนงาน และแผนปฏิบัติการของกรมให้เกิดผลสัมฤทธิ์ และเป็นไป ตามเป้าหมาย แนวทาง และแผนปฏิบัติราชการของกระทรวง รวมทั้งเร่งรัด ติดตามและประเมินผลการปฏิบัติงานของหน่วยงานในสังกัด

(๖) ติดต่อและประสานงานกับองค์การหรือหน่วยงานต่าง ๆ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ เกี่ยวกับความร่วมมือและความช่วยเหลือด้านการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก

(๗) เป็นศูนย์ข้อมูลและเทคโนโลยีสารสนเทศของกรม

(๘) ดำเนินการเกี่ยวกับการเผยแพร่และประชาสัมพันธ์องค์ความรู้ กิจกรรม ความก้าวหน้า และผลงานของกรม

(๙) ดำเนินการอื่นใดที่มิได้กำหนดให้เป็นอำนาจหน้าที่ของส่วนราชการใดของกรม(๑๐) ปฏิบัติงานร่วมกับหรือสนับสนุนการปฏิบัติงานของหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง
หรือที่ได้รับมอบหมาย

ข้อ ๗ สถาบันการแพทย์แผนไทย มีอำนาจหน้าที่ดังต่อไปนี้

(๑) ศึกษา วิเคราะห์ วิจัยและพัฒนาองค์ความรู้ด้านการแพทย์แผนไทย การแพทย์พื้นบ้านไทย ยาแผนไทยและผลิตภัณฑ์จากสมุนไพร

(๒) กำหนด พัฒนาคุณภาพ มาตรฐาน และเสนอแนะเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค ด้านการแพทย์แผนไทย การแพทย์พื้นบ้านไทย ยาแผนไทยและผลิตภัณฑ์จากสมุนไพร

(๓) พัฒนารูปแบบ ส่งเสริม และสนับสนุนให้มีการให้บริการด้านการแพทย์แผนไทย และการแพทย์พื้นบ้านไทยในระบบสุขภาพ

(๔) รวบรวม อนุรักษ์ เฝ้าระวัง คุ้มครองและส่งเสริมภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทย ภูมิปัญญาการแพทย์พื้นบ้านไทย และสมุนไพร ตามกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองและส่งเสริมภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทย และกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง

(๕) ถ่ายทอดองค์ความรู้และเทคโนโลยีด้านการแพทย์แผนไทย การแพทย์พื้นบ้านไทย ยาแผนไทยและผลิตภัณฑ์จากสมุนไพร

(๖) พัฒนาระบบและกลไกเพื่อให้มีการดำเนินการบังคับใช้กฎหมายที่อยู่ในความรับผิดชอบ ให้เกิดผลสำเร็จแก่ราชการและประชาชน

(๗) รับผิดชอบงานธุรการและงานวิชาการของคณะกรรมการคุ้มครองและส่งเสริมภูมิปัญญา การแพทย์แผนไทย

(๘) ส่งเสริมและสนับสนุนการผลิตยาแผนไทยและผลิตภัณฑ์จากสมุนไพรให้ได้คุณภาพ มาตรฐาน

(๙) ประสานความร่วมมือระหว่างประเทศด้านการแพทย์แผนไทยและการแพทย์พื้นบ้านไทย กับการแพทย์ดั้งเดิมของประเทศอื่น

(๑๐) ปฏิบัติงานร่วมกับหรือสนับสนุนการปฏิบัติงานของหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง หรือที่ได้รับมอบหมาย

ข้อ ๘ สำนักการแพทย์ทางเลือก มีอำนาจหน้าที่ดังต่อไปนี้

(๑) ศึกษา วิเคราะห์ วิจัย พัฒนาองค์ความรู้ และคัดกรองศาสตร์การแพทย์แผนจีน และการแพทย์ทางเลือกอื่น ตลอดจนผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้อง(

๒) ถ่ายทอดองค์ความรู้ และเทคโนโลยีด้านการแพทย์แผนจีนและการแพทย์ทางเลือกอื่น ที่เหมาะสม

(๓) กำหนด พัฒนาคุณภาพมาตรฐาน และเสนอแนะเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค ด้านการแพทย์แผนจีนและการแพทย์ทางเลือกอื่น

(๔) พัฒนารูปแบบ ส่งเสริม และสนับสนุนให้มีบริการการแพทย์แผนจีนและการแพทย์ ทางเลือกอื่นผสมผสานในระบบสุขภาพ

(๕) ประสานความร่วมมือระหว่างประเทศด้านการแพทย์แผนจีนและการแพทย์ทางเลือกอื่น

(๖) ปฏิบัติงานร่วมกับหรือสนับสนุนการปฏิบัติงานของหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง หรือที่ได้รับมอบหมาย

ให้ไว้ ณ วันที่ ๓ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๒
วิทยา แก้วภราดัย

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขหมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้กฎกระทรวงฉบับนี้ คือ โดยที่เป็นการสมควรปรับปรุงการแบ่งส่วน
ราชการและอำนาจหน้าที่ของกรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กระทรวงสาธารณสุข เพื่อให้สอดคล้องกับภารกิจที่เพิ่มขึ้นและเหมาะสมกับสภาพของงานที่เปลี่ยนแปลงไป อันจะทำให้การปฏิบัติภารกิจตามอำนาจหน้าที่มีประสิทธิภาพและประสิทธิผลยิ่งขึ้น จึงจำเป็นต้องออกกฎกระทรวงนี้

เรื่องราวการแพทย์ทางเลือก
เขียนโดย นพ.เทวัญ ธานีรัตน์
ผู้อำนวยการสำนักการแพทย์ทางเลือก การแพทย์ทางเลือกคืออะไร

คำว่า “ทางเลือก” เทียบกับ “ทางหลัก” จะเข้าใจว่า เป็นอีกทางหนึ่ง ที่นำมาเป็นตัวเลือกในการตัดสินใจ ที่จะใช้ทางไหน ทางหลัก คือทางที่ คนส่วนใหญ่ใช้กัน ส่วน ทางเลือก เป็นทางใหม่ หรือทางอื่น ที่เป็นตัวที่จะเลือกใช้ หากคนยอมรับและใช้กันมากก็จะกายเป็นทางหลักไปอีกเช่นกัน

ความหมาย ของการแพทย์ทางเลือก นั้นขึ้นกับ เวลา และสถานที่ ในระยะเวลาแตกต่างกันความหมายก็แตกต่างกันเช่น ในประเทศไทยสมัยรัชกาลที่ 4 ในสมัยนั้น มีหมอฝรั่งนำการแพทย์แผนตะวันตกเข้ามาใช้ในสยามประเทศ เราเรียกการแพทย์แผนตะวันตกในตอนนั้นว่า การแพทย์ทางเลือก ในสถานที่ต่างกันจะมีความหมายแตกต่างกัน เช่น ในประเทศอินเดีย จะใช้การแพทย์แผนอินเดีย เป็นการแพทย์หลักของประเทศอินเดีย เช่น การแพทย์อายุรเวช ถือเป็นการแพทย์แผนปัจจุบัน ของอินเดีย ถูกต้องตามกฎหมาย เพราะประชาชนทั้งประเทศยอมรับที่จะใช้เป็นหลัก ประเทศจีน มีการใช้การแพทย์แผนโบราณของจีน เป็นหลัก ถือเป็นการแพทย์กระแสหลักของจีนเช่นเดียวกัน

ในปี 2001 มีการประชุมกัน ของประเทศที่เป็นสมาชิกของ องค์การอนามัยโลก WHO ได้ให้คำจำกัดความของ Complementary And Alternative Medicine หรือ CAM ว่า “The term CAM often refers to a broad set of health-care practices that are not part of a country’s own tradition and are not integrated into the dominant health-care system. Other terms sometimes used to describe these health-care practices include ‘natural medicine’ , ’non-conventional medicine’ and ‘holistic medicine’.” สำหรับในประเทศไทย นั้น การแพทย์ทางเลือก คือ การแพทย์ที่ไม่ใช่ การแพทย์แผนปัจจุบัน การแพทย์แผนไทยและการแพทย์พื้นบ้านไทย การแพทย์อื่น ๆ ที่เหลือถือเป็นการแพทย์ทางเลือกทั้งหมด
การจำแนกการแพทย์แพทย์ทางเลือกนั้น จำแนกได้หลายแบบ วิธีแรกจำแนกตามการนำไปใช้มีดังนี้
Complementary Medicine คือ การแพทย์ทางเลือกที่นำไปใช้เสริมหรือใช้ร่วมกับการแพทย์แพทย์แผนปัจจุบัน
Alternative Medicine คือ การแพทย์ทางเลือกที่สามารถนำไปใช้ทดแทนการแพทย์แผนปัจจุบันได้ โดยไม่ต้องอาศัยการแพทย์แผนปัจจุบัน

การจำแนกตามกลุ่มของการแพทย์ทางเลือก หน่วยงานของ National Center of Complementary AndAlternative Medicine (NCCAM) ของสหรัฐอเมริกา ได้จำแนกออกเป็น 5 กลุ่มดังนี้ เมื่อปี 20051. Alternative Medical Systems คือ การแพทย์ทางเลือกที่มีวิธีการตรวจรักษาวินิจฉัยและการบำบัดรักษาที่มีหลากหลายวิธีการ ทั้งด้านการให้ยา การใช้เครื่องมื่อมาช่วยในการบำบัดรักษาและหัตถการต่างๆ เช่น

การแพทย์แผนโบราณของจีน (Traditional Chinese Medicine) การแพทย์แบบอายุรเวช ของอินเดีย เป็นต้น

Mind-Body Interventions คือ วิธีการบำบัดรักษาแบบใช้กายและใจ เช่น การใช้สมาธิบำบัด โยคะ ชี่กง เป็นต้น

Biologically Based Therapies คือวิธีการบำบัดรักษาโดยการใช้ สารชีวภาพ สารเคมีต่าง ๆ เช่น สมุนไพร วิตามิน Chelation Therapy , Ozone Therapy หรือแม้กระทั้งอาหารสุขภาพเป็นต้น

Manipulative and Body-Based Methods คือ วิธีการบำบัดรักษาโดยการใช้ หัตถการต่างๆ เช่น การนวด การดัด การจัดกระดูก Osteopathy ,Chiropractic เป็นต้น

Energy Therapies คือวิธีการบำบัดรักษา ที่ใช้ พลังงาน ในการบำบัดรักษา ที่สามารถวัดได้และไม่สามารถวัดได้ ในการบำบัดรักษา เช่น การสวดมนต์บำบัด พลังกายทิพย์ พลังจักรวาล เรกิ โยเร เป็นต้น

ซูเปอร์เสาอากาศ ที่ศาลบรรพบุรุษ เมลเบิร์น ออสเตรเลีย

เป็นบริเวณในมหาสมุทรแปซิฟิกที่เกิดแผ่นดินไหวและภูเขาไฟระเบิดได้ง่าย มีลักษณะเป็นเส้นเกือกม้า
ความยาวรวมประมาณ 40,000 กิโลเมตร และวางตัวตามแนวร่องสมุทรหรือแนวของหมู่เกาะ 90% ของแผ่นดินไหวและ 81% ของแผ่นดินไหวขนาดใหญ่ที่เกิดขึ้นในโลก อยู่ในบริเวณวงแหวนแห่งไฟนี้ วงแหวนแห่งไฟเกิดจากช่องว่างระหว่างเปลือกโลกแต่ละแผ่น

กฎทั่วไปที่ถูกใช้สำหรับศูนย์ให้การรักษา ตามที่ถูกอนุมัติโดย Prof. Dr. Sir Master Luong Minh Dang, M.D.(T.M.),Ph.D.,D.Sc.,K.St.J. (Knight Commander).

คำจำกัดความ นี่คือวิธีการใช้พลังจักรวาลเพื่อการรักษาและป้องกันเพื่อส่งเสริมสุขภาพ

หลักสูตรอบรม: ตามปกติ, หลักสูตรอบรมถูกออกแบบมาเพื่อสร้างเครื่องมือเหล่านี้ ให้ผู้ที่สนใจ เราให้แนวทางเท่านั้น และผู้ฝึกคือผู้ที่ตัดสินใจ ประสิทธิภาพของการสอนนี้ผ่านการฝึกฝนด้วยตนเอง

มีหลายๆจุดที่เราต้องแน่ใจว่าผู้เรียนจะเข้าใจเมื่อเข้าเรียนในชั้น:-

  1. เราจะไม่แนะนำสารเคมีใดๆหรือการรักษาด้วยยาและเราไม่เสนอหลักสูตรควบคุมอาหารใดๆ
  2. เราทำงานร่วมกับการรักษาแผนปัจจุบัน และเราไม่ให้ความเห็นไม่ให้คำแนะนำเกี่ยวกับเรื่องการรักษาด้วยยา เช่นการทำเคมีบำบัดต่อเนื่อง การผ่าตัดที่เกิดขึ้น เราแนะนำให้ผู้ป่วยปรึกษาแพทย์แผนปัจจุบันของพวกเขาในเรื่องเหล่านี้
  3. เราสามารถใช้วิธีการนี้ในการช่วยเหลือผู้คนเมื่อพวกเขาร้องขอ หากมีการร้องขอและเราไม่ว่าง เราสามารถปฏิเสธได้หรือรอจนกระทั่งเราว่าง ไม่มีข้อห้ามใดๆที่ผู้คนจะสามารถเรียนรู้วิธีการนี้เพื่อสุขภาพของตนเอง หากเขาหรือเธอไม่ต้องการจะช่วยเหลือผู้อื่นก็ไม่ใช่ปัญหา เขาหรือเธอยังคงสามารถถ่ายทอดพลังเพื่อรักษาได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  4. เราทำให้ผู้เรียนแน่ใจอยู่เสมอว่านี่ไม่ใช่ศาสนา วิธีการนี้เป็นทางเลือกหนึ่งที่จะช่วยมวลมนุษย์ ให้ค้นพบอีกด้านหนึ่งของความสามารถที่ซ่อนอยู่ในจิตใจและร่างกายของมนุษย์ ด้วยการเรียนและการฝึกฝน เราจะสามารถสร้างความรู้ของเราเพื่อที่จะมองเห็นชีวิตได้ดีขึ้น ทั้งมุมมองในด้านกายภาพและจิตวิญญาณ
  5. เราเสนอวิธีการนี้ให้ทุกๆคนโดยไม่มีการกีดกันทางสีผิว, เชื้อชาติ, ศาสนา, เพศ, การเมือง หรือความพิการ ทุกคนสามารถเรียนการรักษาด้วยพลังจักรวาลได้ ภายใต้เงื่อนไขว่าผู้เรียนต้องอายุไม่น้อยกว่า 14 ปี
  6. เราสามารถส่งพลังเพื่อช่วยคนที่ร้องขอมาและไม่คิดค่าบริการ เราไม่ร้องขอสิ่งใดๆเมื่อคนขอให้เราส่งพลังงานเพื่อรักษาเขาเหล่านั้น

คำสั่ง : Master Luong minh dang ( January 8 ,2007 )

ใครอยากทำอนุสรสถาน “ศาลบรรพบุรุษ” ต้องทำเหมือนที่เมลเบิล แต่วัสดุอะไรก็ได้

ด้านหน้าเท่านั้นที่ต้องเหมือนเป๊ะ เขียนภาษาอะไรก็ได้ คนที่มาจะได้รู้ว่าเป็น ” อนุสรนักรบมนุษยชาติ “

ให้ทำเรียบง่าย ไม่ต้องใหญ่ เป็นการแสดงความเคารพ และรู้ถึงบุญคุณ เพราะเขาเหล่านั้นได้เสียสละชีพเพื่อความอยู่สุขของพวกเรา

โดย : คุณ สมจิตร ทองประดับ ผู้พิพากษาอาวุโส ( 12 สิงหาคม 2543 )

แพทย์ทางเลือกมหาวิทยาลัยโคลัมโบ มหาวิทยาลัยเปิดนานาชาติสำหรับแพทย์แผนทางเลือก

จัดตั้งภายใต้อำนาจของ Medicina Alternativa องค์กรระหว่างประเทศ ในปี ค.ศ. 1962 โดย องค์การอนามัยโลก Alma ATA มีความมุ่งมั่นเป็นปฏิญญาสากลเพื่อให้เป็นทางเลือกที่เป็นที่นิยมในทางการแพทย์และและได้รับการรับรองสิทธิ์จาก Excellency JR Jayewardene,ประธานพรรคสังคมนิยมประชาธิปไตยศรีลังกา เมื่อ วันที่ 25. มีนาคม 1988

ตามเอกสารอ้างอิง : เลขที่ 196 / 1 ได้รับการยอมรับโดยกฎบัตรสหประชาชาติสำหรับมหาวิทยาลัยที่จัดตั้ง เพื่อสันติ โดยมติสหประชาชาติหมวดทั่วไปเลขที่ 35/55/5/XII/1980คณะมนุษย์และพลังจักรวาล

ได้ถูกสร้างขึ้นที่ มหาวิทยาลัยเปิดนานาชาติแพทย์ทางเลือก ในโคลัมโบ ประเทศศรีลังกา ในปี 2002 ภายใต้การแนะนำของท่านอาจารย์ เลือง มินห์ ด๋าง และเป็นคณะที่มีประสิทธิภาพที่สุดคณะหนึ่ง มหาวิทยาลัยนี้ได้รับการยอมรับจากสหประชาชาติ ด้วยความมุ่งหวังที่จะศึกษาและพัฒนาวิธีการแพทย์ทางเลือกเพื่อตอบสนองความต้องการเร่งด่วน ในปลายศตวรรษที่ 20 ในขณะที่สหรัฐอเมริกาจัดตั้งศูนย์แห่งชาติแพทย์ทางเลือกและ แพทย์แผนโบราณ (NCCAM) ภายใต้สถาบันอนามัยแห่งชาติ (NIH) ตั้งแต่ปี 1997 และโรงพยาบาล มหาวิทยาลัย Swinburne ในวิคตอเรีย ออสเตรเลีย เป็นโรงพยาบาลแรกที่ให้บริการแพทย์ทางเลือกและ แพทย์แผนโบราณ เสาะหา และ ทำให้เกิดประโยชน์เป็นทางเลือก ทั้งประเภทยาสมัยใหม่ และยาโบราณ เมื่อปี2001

ACCEPTANCE SPEECH
FROM MASTER LUONG MINH DANG
AT THE ALBERT SCHWEITZER
AWARD CEREMONY

The Honourable Minister of Justice of Sri Lanka, Sir Anton, Sir Ravi, Distinguished guests and Human Universal Energy Students from all over the world, First of all, I would like to express my gratitude to Sir Anton, all organisations and individuals who have nominated me to the Albert Schweitzer Award. I also wish to thank the Albert Schweitzer Foundation that has selected me for this honourable Award in 2001. I receive Albert Schweitzer Award with mixed of feelings of pride, concern and hope.

PRIDE – because after 30 years of research and practice, 13 years teaching and developing the Human and Universal Energy, the result is once again acknowledged.
CONCERN – because the 2 million or more Human and Universal Energy practitioners and more than 30 million people have been healed from their illnesses ? by Human and Universal Energy method, are only a small percentage of the 6 billion world population. In those 6 billion people, the majority has no financial capacity to afford treatment through Western medicine or any other method. Furthermore, some illnesses are presently incurable.
HOPE – because with this Albert Schweitzer Award, Human and Universal Energy Healing will be recognised by more individuals, organisations and governments and also with this great encouragement, the Human and Universal Energy practitioners and myself will try more to help more people, especially the less fortunate people, who are not able to afford for treatment through Western medicine or other available methods.
On acceptance and receiving of the Albert Schweitzer Award, I wish to use this opportunity to send to all governments and health organisations in the world a message from my heart:
“EVERY HUMAN BEING, RICH OR POOR, IS ENTITLED AND MUST HAVE AN OPPORTUNITY FOR THEIR ILLNESSES TO BE TREATED AND HUMAN & UNIVERSAL ENERGY HEALING IS THE MOST REALISTIC SUPPLEMENTARY TREATMENT METHOD WHICH IS ABLE TO REDUCE THE GOVERNMENTS’ HEALTH BUDGETS AND EFFECTIVELY PROTECT THE PEOPLE’S HEALTH DISREGARDING THEIR FINANCIAL CAPACITY
The purpose of life is to be happy. A person cannot be happy if he or she is suffering. Although happiness and suffering are purely psychological factors, no one can be happy when his or her physical body is not well and illness is one in many ways of suffering that no one is able to avoid unless having died at birth. To fight with illnesses, governments of the developed and wealthy countries on the world have an expenditure of great proportions in their budget for prevention and treatment programs for the people. Even so, individuals and families of the sick people must still meet considerable costs to pay for health insurance and pharmaceutical products for themselves and relatives. In the developing countries, the public health system is still poor, most of the costs for treatment to be taken on solely by the individuals or by relatives, n USA, with the population of nearly 282 million, the Federal’s annual health budget is US$499.4 billion. Each American family has to pay averagely US$1,000 per annum for health insurance. ;n Australia, health budget of Federal Government is about AUD 7 billion per annum for the population of about 19 million excluding the health budgets from each State -Victoria spends 243.3 million on health for re population of 4,373,520. Apart from the Federal and States expenses on health, each person in the workforce has to pay 2% of their salaries for Medicare levy on the top of private insurance premium of $1,300 per annum for each family. illnesses are not only a burden for governments aid individuals but also cost the business sector a considerable expenditure due to the unavoidable illnesses of their employees. Employers in the developed countries have to accept for their employees to take from 7 to 10 days of sick leaves per =-num with pay. With a workforce of TOO million, it costs the employers at least USD 50 billion for 7 days sick leaves annually.

Apart from paying private insurance and health levy, if a family pays less than USD1,000 for pharmaceutical products a year, that family is considered as having a lucky and healthy year. If we make a simple calculation, we will see that a person who lives in USA has to spend from USD2,000 to 5,000 a year for treatment of their illnesses together with an expense from Government of about US$2,000 per capital and a considerable amount of sick leaves paid from industry factor.

For the governments and average individuals in USA or Australia, the $5000 expense on health for each person is a substantial amount, but it is a huge amount, a life asset for the people in the developing country. Even in a very wealthy country as USA, former President Bill Clinton had to admit in the speech at National Congress in January 2000 that tens of millions of Americans still don’t have affordable health care and half of two-year-olds children did not receive immunisations they needed against deadly diseases. Furthermore, the individuals and/or their relatives have to lose their income during the sickness period, which put up the financial consequence to the incredible level. Death rate in the developing countries is very high, family finance suddenly collapsing when one member suffers from illness is very common in those countries. Beside the material losses, the mental suffering is also incredibly substantial.
During the past many decades, governments of the wealthy countries have spent many billions of dollars every year for the medical research and the Western medicine has been improving incredibly. The new medical developments and technologies have given people more confidence and many people had believed that in short future, it might replace the role of Creature in deciding human being’s lives. Not many people disagreed to that but until last year, when the HIV vaccine was refused in Africa, one then realised that the new development, the marvellous treatment facilities of new medical technologies has no use for the poorer in the developing countries because its high costs are too far from their financial capacity. The success of the new medical technology only meets the demand of some rich people and to the absolute majority of people on this earth, the developments in Western medicine are only a myth, never turn to reality for them. The improvements in Western medicine do not meet the demand of treatment for illnesses from the people who do not have financial capacity to pay for, it does not help to reduce the suffering from the poorer in regards to illness. During Sir Albert Schweitzer’s lifetime, he and his family had devoted everything to help the poors to treat their illnesses. He studied medicines to become a medical doctor, his wife, Mrs. Helene Bresslau studied nursing and the couple built a hospital to provide free treatment to the poors at Lambarene, Gabon province of French Equatorial Africa. This sublime aspiration of Sir Albert Schweitzer is continuing by others through generations.

After more than a decade of teaching and applying on numerous patients, Human and Universal Energy Healing have had a considerable number of practitioners who have ability and enthusiasm to assist whoever in need of Human and Universal Energy Healing. Human and Universal Energy Healing practitioners are very confident that they can heal many illnesses rapidly or to help patient to recover quickly while being treated by other methods. If governments and other health organisations in the world use Human and Universal Energy Healing as an alternative or supplementary method at the hospitals -in or out patient sections – it is certain that the nation’s
health budget will be reduced substantially.


If Human and Universal Energy Healing is encouraged to apply widely, many families may not become bankrupt due to the high cost of treatment for their sick relatives, employers do not have to spend high amounts for their employees on sick leaves and most importantly, it will relieve human beings from suffering from unavoidable illnesses, and ultimately helps people produce better quality in life.


Human beings are living physical bodies and living is a progress of developing and destroying of physical body. Human and Universal Energy Healing holds that the universe to which a human being is living in, is made from energy and human being’s physical body is a small universe, a dwindled universe that is a combination with the energy. Any change, unbalance, deviation, disorder in the movement or the frequency of energy in any part or organ of a human’s physical body is the main cause of illness. Restoring the normal frequency or supplying the required volume of energy in a physical body will normalised the functions of the body’s organs and physical body will therefore overcome the abnormal situation causing discomfort which is referred to as sickness. The method which Human and Universal Energy Healing apply is, through meditation and continuous practice, to use the infinite source of universal energy to restore normality to a human body. “Human and Universal Energy Healing’s medicine” is universal energy which is full up in anywhere we are living. “Human and Universal Energy Healing’s equipments”are the love to people from HUE practitioners who do not require any fee for their healing services.

Over a little more than a decade, 2 million people have practiced Human and Universal Energy Healing and more than 30 million people have been and still are being healed free of charge from many kind of illnesses. Hundreds of different illnesses normally required a considerable period of time to be cured and sometimes the result is unsatisfactory but by Human and Universal Energy Healing method, the results have been incredible and have been achieved at any recorded time. Let’s take some examples. The split-personality has no certain method of treatment but can be healed by Human and Universal Energy Healing method in less than 5 minutes. In an asthma attack occurring, the period of time for Human and Universal Energy Healing to bring it down is quicker than ventolin and if the asthma sufferer practices Human and Universal Energy Healing, the asthma attacks are progressively less until completely gone. Migraines are healed almost immediately by Human and Universal Energy Healing. It also stops bleeding and burns as well as relieving part of the pain and assisting the injury to heal quickly and effectively. Many cases where a person has suffered a stroke, they have been helped to back to somewhat near health, through Human and Universal Energy Healing. For the other illnesses that are related to the organs in the physical body, Human and Universal Energy Healing is a supplementary method that helps the patients recover quickly. Meditation by Human and Universal Energy Healing is a very effective method to prevent and self-heal illnesses. Hundreds of Human and Universal Energy Healing centres worldwide are keeping records on illnesses and the effectiveness of Human and Universal Energy Healing especially in many cases that were healed unexpectedly.

Furthermore, a large experimental project on growing rice in Thailand by applying Human and Universal Energy, led to a very encouraged result: the harvest was increased substantially without using fertilizer and insects killing. It is impossible to have more than two million people all over the world who practice regularly and devote their valuable time to help others if the healing result of Human and Universal Energy did not surprise them beyond anyone’s imagination.

By mentioning the effectiveness of Human and Universal Energy Healing, we only wish to prove that it is a very effective supplementary medicinal method in support for the existing medical methods and no cost involved. Ladies and gentlemen, If in the last century Albert Schweitzer, with a sublime aspiration to help the poors to cure their illnesses, was only able to provide his assistance to the African at Garbon province, now the people who are carrying Albert Schweitzer’s aspiration has found an effective method which is able to help unlimited people ,who are suffering from illnesses. Human and Universal Energy Healing is ready and having enough manpower to serve… But how many people in the total of 6 billion on the world could quickly receive this effective healing method will depend mostly on the policies and subjects of health services from the governments and health organisations on the world. •