จิตวิญญาณคืออะไร

  • กว่ามนุษย์จะวิวัฒนาการจากสิ่งมีชีวิตที่เดินด้วยเท้าสี่เท้า มาเป็นสิ่งมีชีวิตที่เดินด้วยเท้าสองเท้านั้นใช้เวลาหลายล้านปี ซึ่งนับเป็นการวิวัฒนาการที่ก้าวหน้าและสำคัญ
  • การแสวงหาทางจิตวิญญาณหรือการพัฒนาทางจิตวิญญาณคืออะไร นี่เป็นเรื่องนอกเหนือจากการทำความดีและการพูดด้วยความจริงใจ
  • การพัฒนาทางจิตวิญญาณ หมายถึง การพัฒนาทั้งด้านสมองและด้านจิตใจไปสู่การรู้ถึงความรู้แจ้งเห็นจริง ละกิเลสและพัฒนาจิตให้อยู่เหนือโลกของวัตถุ (Transcendence) การจะไปถึงจุดนั้นได้เราต้องมีความถ่อมตน ฝึกฝนตนเอง ละความเห็นแก่ตัว ยึดมั่นในหลักการพื้นฐานของความรักความเมตตาพร้อมกับอยู่ในขอบข่ายแห่งความเป็นจริง
  • การทำสมาธิ เป็นการพัฒนาความสามารถของจิตให้ไปถึงความรู้แจ้งเห็นจริง คือเข้าใจความจริงอันสูงสุด (สัจธรรม) เราต้องใช้ความพยายามของเราไปถึงจุดนั้น ไม่มีใครให้ปริญญาหรือประกาศนียบัตร ให้ของขวัญ เพื่อทำให้คนเป็นพระพุทธเจ้าหรือพระเยซูคริสต์ได้ สิ่งศักดิ์สิทธิ์เบื้องบนสามารถปกป้องหรือช่วยเหลือเราให้มาสู่ระดับการพัฒนาไปเป็นผู้ประเสริฐ (Supreme Being) แต่ในการรักษาตัวเองให้อยู่ในระดับนั้นได้ จิตใจของเราจะต้องเอื้ออาทรและมีความรักความเมตตาต่อมนุษย์ทั้งมวล
  • การทำสมาธิ เป็นการช่วยให้เราก้าวหน้าไปสู่ระดับสูงขึ้น และเป็นทางที่ถูกต้องที่จะนำไปสู่การตื่นตัวจากตัวเองและการรู้แจ้งเห็นจริง ความเข้าใจในพลังจักรวาล เข้าใจในธรรมชาติของโลกที่มองเห็นและที่มองไม่เห็นและเข้าใจในสิ่งศักดิ์สิทธิ์เบื้องบนสูงสุด
  • วิธีการใดที่ไม่ช่วยให้เราไปถึงเป้าหมายนั่นและไม่ช่วยปลดปล่อยเราจากภาพลวงตา วิธีการนั้นก็ไม่ใช่วิธีการอันถูกต้อง
  • วิทยาศาสตร์สมัยใหม่บอกว่าร่างกายประกอบด้วยเลือดเนื้อ กระดูก สมอง ตลอดจนอวัยวะสำคัญต่างๆ ระบบการไหลเวียนของโลหิตและระบบประสาท นอกเหนือจากศาสตร์เกี่ยวกับการฝังเข็ม และศิลปการต่อสู้ป้องกันตัวโดยไม่ใช้อาวุธแล้ว วิทยาศาสตร์สมัยใหม่ยังไม่ยอมรับว่านอกจากระบบต่างๆ ที่แจกจ่ายพลังภายในร่างกายไปสู่ส่วนต่างๆ ของร่างกายแล้วยังมีจุดสำคัญอีกเจ็ดจุดในร่างกายของมนุษย์ที่มีความสำคัญสูงสุด จุดสำคัญ 7 จุดนี้ก็คือ “จักระ” ซึ่งเป็นภาษาสันสกฤต หมายถึงวงล้อที่หมุนด้วยความเร็ว ด้วยเหตุนี้อาจารย์สอนโยคะจึงเรียกจุดเหล่านี้ว่า “วงล้อ”
  • ในสมัยดึกดำบรรพ์ เมื่อผู้คนเริ่มสะสมกรรม (หรือบาป) กรรมที่ร้ายแรงที่สุดได้แก่ ความหยิ่งทะนง ความฟุ้งเฟ้อ การโกหกหลอกลวงและการคิดว่าตัวเองมีพลัง มีความสามารถมากกว่าหรือเทียบเท่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์เบื้องบน พวกเขาจึงสูญเสียความสามารถพิเศษที่มีอยู่และจักระของพวกเขาก็ถูกปิดสนิทเพราะความหลงผิดเหล่านั้น ซึ่งก็คล้ายกับเรื่องในคัมภีร์ของศาสนาคริสต์ที่มนุษย์ถูกอัปเปหิจากสวรรค์เมื่อจักระถูกปิดคนก็จะมีวิวัฒนาการถอยหลังกลับไปสู่กรรมไม่ดีทั้งหลายมากขึ้นทุกทีคือ ความหลงในวัตถุ ความขัดแย้งต่างๆ การฆ่าฟันกันและก่อสงคราม
  • ดังนั้น หากเราต้องการจะยกระดับจิตวิญญาณให้สูงขึ้นกว่าในอดีต เราจะต้องพัฒนาจิตวิญญาณของเรา ความจริงเราไม่ได้ถึงกับเริ่มต้นจากข้างล่างสุดขึ้นมาสู่ข้างบน แต่เราเริ่มต้นจากข้างบนแล้วตกต่ำลงสู่ข้างล่างต่างหาก
  • ดังนั้นจึงขึ้นอยู่กับเราว่าจะรวบรวมกำลังกลับไปสู่ที่เดิมและขจัดกรรมชั่วต่างๆ ที่เราจมอยู่นั้นได้อย่างไร วิถีทางที่จะขจัดการเกิด แก่ เจ็บ ตาย หรือวัฎสงสารที่ทางพุทธศาสนาเรียกว่า “นิพพาน” นั้น เราต้องแสวงหาทางหลุดพ้น ซึ่งก็คือ “สัจธรรม” นั่นเอง
  • เราต้องรักษาร่างกายให้แข็งแรงโดยการได้รับประทานอาหารและโภชนาการที่ดี ถึงจะทำให้เรามีกำลังภายในและเซลล์ในร่างกายทำงานได้ดี ฉะนั้นหากเราจำกัดตัวเองด้วยการกินอาหาร มังสวิรัติที่มีคุณค่าไม่ครบถ้วนและอดอาหาร เซลล์ของสมองก็จะไม่พัฒนา สมองก็จะว่างเปล่า กำลังกายและกำลังภายในก็ไม่มี ยิ่งกว่านั้นเราจะไม่สามารถทำสมาธิได้อย่างเต็มที่ สมองไม่ทำงานจิตใจไม่แจ่มใส เพราะฉะนั้นร่างกายที่จะแข็งแรงได้ก็จะต้องทานอาหารให้เต็มที่ และมีคุณประโยชน์ต่อร่างกาย
  • อาหารช่วยให้เราดำเนินอยู่ในวิถีทางไปสู่การพัฒนาจิตวิญญาณ พระพุทธเจ้าก็เคยใช้ชีวิตอดอยากทุกข์ทรมานแบบฤาษีอยู่นานถึง 5 ปี แต่ก็ไร้ผล จนท่านเลิกทำและมานั่งอยู่ที่ใต้ต้นมหาโพธิ์ รู้สึกท้อแท้ เหน็ดเหนื่อย ร่างกายผ่ายผอมมีแต่หนังหุ้มกระดูก และท่านได้ตั้งปฏิธานว่าจะไม่ลุกจากต้นโพธิ์จนกว่าจะตรัสรู้ พระองค์ประทับอยู่อย่างนั้นจนกระทั่งมีหญิงคนหนึ่งนำน้ำนมมาถวาย เมื่อท่านได้ฉันน้ำนมท่านก็มีกำลังวังชาที่จะทำสมาธิ
  • หลังจากนั้น 49 วัน ท่านก็บรรลุ “นิพพาน” คนที่อยากมีรูปร่างดีและควบคุมความกำหนัดของตัวเอง สามารถอยู่ได้ด้วยการกินอาหารในปริมาณน้อย แต่ในความเป็นจริงเมื่อคนเราอยู่ในวิถีทางแห่งสัจธรรมได้อย่างแท้จริงแล้ว เขาย่อมต้องมีพลังพิเศษมากกว่าคนอื่นไม่ว่าจะอยู่ในรูปแบบไหน และพลังนี้สามารถเปลี่ยนเป็นความสามารถเหนือธรรมดาเพื่อช่วยเหลือผู้อื่นได้
  • ร่างกายคนเรามีจักระ 7 จักระ ถ้าจักระ 5 ซึ่งอยู่ตรงกลางระหว่างไหล่ได้รับการเปิดแล้วและนำมาฝึกฝนอย่างถูกวิธีเราก็จะมีหูทิพย์ ซึ่งจะช่วยให้สามารถได้รับคำสอนของสิ่งศักดิ์สิทธิ์เบื้องบนที่ชี้นำเรา สอนให้รู้ถึงการพัฒนาจิตวิญญาณและการฝึกฝนปฏิบัติในการทำสมาธิ และเราสามารถจะได้รับคำแนะนำของท่านเหล่านั้นได้ ตามปกติเรามักจะได้รับคำสอนมากมายแต่จะคิดว่าเป็นความคิดของเราเอง และปฏิเสธว่าสิ่งนี้ไม่ใช่คำสอนจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์เบื้องบน หรือที่เราเรียกว่าความคิดจากสวรรค์ (Divine thoughts) ซึ่งส่งมาถึงจิตเราโดยตรง แต่เราคิดไปว่าเป็นความคิดของเราเอง ความคิดจากสวรรค์นี้คืออาจารย์ของเรา เราควรจะน้อมรับเอาไว้ด้วยความเคารพ
  • เมื่อจิตใจและวิญญาณของเราพัฒนาสูงขึ้น เราก็จะรู้วิธีใช้ความสามารถใหม่ๆ เหล่านี้ และถ้าเราพัฒนาได้สูงขึ้นอีกเรื่อยๆ เราก็จะเริ่มเข้าใจความจริงได้โดยไม่ต้องเรียนรู้จากผู้อื่น และเราจะ รู้สึกถึงการลื่นไหลของความคิดของเรา ที่ประสานกับจิตวิญญาณของสิ่งศักดิ์สิทธิ์เบื้องบนสูงสุด เมื่อนั้นเราจะรู้ว่าทุกอย่างเป็นหนึ่งเดียว

0 replies

Leave a Reply

Want to join the discussion?
Feel free to contribute!

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องที่ต้องการถูกทำเครื่องหมาย *